เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่คงเคยเจอปัญหาที่ไม่มีคนดูแลเด็กๆเนื่องจากไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน จะไปฝากข้างบ้านก็ไม่ไว้วางใจเท่ากับตัวเราเอง เพราะฉะนั้นมีทางเดียวคือเราต้องพาเด็กๆไปที่ทำงานด้วย การที่เราพาเด็กๆมาที่ทำงานก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน

- สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้กับเด็กๆ การที่เราพาเด็กๆออกมานอกบ้านบ้างจะเป็นการสร้างประสบการณ์ชีวิตให้กับเขา ถือเป็นการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง เด็กๆต้องนั่งเฉยๆจะวิ่งเล่นไม่ได้ การสอนเขาแบบนี้จะทำให้เขารู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง

- รู้จักมารยาทในสังคมเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้ใหญ่ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการพาเด็กๆไปแนะนำให้คุณน้าคุณอาที่ทำงานได้รู้จัก เด็กต้องสวัสดีเมื่อเจอกับคนที่มีอายุมากกว่า

- รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น อย่างงานง่ายๆ เช่น หยิบของให้ผู้ใหญ่ เด็กๆจะได้รู้จักรับผิดชอบกับงานที่ได้รับมอบหมาย แต่คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมให้รางวัลเขาหรือชมเชยเขาด้วย

- ฝึกให้เด็กๆเรียนรู้ที่จะอยู่ตามลำพังบ้าง เพราะคุณคงไม่มีเวลามาดูแลเขาเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน ดังนั้นคุณควรเตรียมของเล่นมาให้เขาหลายๆอย่างแต่มีข้อแม้ว่าต้องให้เขาเล่นคนเดียวแบบเงียบๆ ถ้าเด็กๆง่วงนอนคุณอาจต้องเตรียมที่สำหรับนอนให้เขาใกล้ๆโต๊ะทำงานคุณด้วย

- ฝึกให้เด็กๆรู้จักการรอคอย คุณต้องตั้งกฎว่าห้ามร้องงอแงกลับบ้านต้องอยู่จนกว่าคุณจะเลิกงาน โดยห้ามมากวนคุณขณะทำงาน ห้ามใจอ่อนพาเขากลับบ้านก่อนเด็ดขาด

เราจะเห็นว่าการพาเด็กๆมาที่ทำงานด้วยถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ให้เด็กๆได้เรียนรู้การเข้าสังคมกับคนอื่นโดยเฉพาะกับผู้ใหญ่

- เตรียมสุขภาพกายและใจให้พร้อม สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆ คุณพ่อควรจะพาคุณแม่มาตรวจร่างกายก่อนคลอดแต่เนิ่นๆ โดยเรื่องหลักๆที่ต้องทำการตรวจคือ โรคแทรกซ้อนต่างๆที่มี

ผลกับเด็กในท้อง อย่าง โรคเบาหวาน โลหิตจาง โรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ถ้าตรวจพบแต่เนิ่นๆเราจะได้หาทางป้องกันไว้ก่อน ฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันไว้ก่อน เพราะ

ถ้าเป็นขณะตั้งครรภ์อาจเสี่ยงต่อการแท้งได้ ออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนคลอดเพราะการออกกำลังกายจะส่งผลดีตอนคลอดด้วยช่วยทำให้คลอดง่ายขึ้น

- ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้เดินทางไปได้สะดวก เลือกโรงพยาบาบาลที่มีแพทย์สูตินารีที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของลูกใน

ท้อง

- ลางานเพื่อทำหน้าที่คุณแม่ที่ดีในการเลี้ยงลูก คุณแม่ควรศึกษากฎหมายวันลา 90 วันโดยต้องดูจากนโยบายบริษัทด้วย เพื่อที่จะวางแผนในการเลี้ยงดูลูกด้วย

- เตรียมรับขวัญลูกน้อยอย่างมีความสุข เรื่องนี้ส่งผลทางด้านจิตใจของคนเป็นแม่ด้วยถ้าคนรอบข้างมีความสุขคุณแม่ก็พลอยมีความสุขไปด้วย

- 2 สิ่งที่สำคัญก่อนเตรียมตัวไปคลอด ใบฝากครรภ์ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่ต้องนำติดตัวไปด้วยเพราะในนั้นจะมีข้อมูลของเราทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว ประวัติการแพทย์

ของเราเพื่อที่คุณหมอจะได้ดูได้ทันที ของใช้ส่วนตัวของคุณแม่และลูกควรเตรียมให้พร้อมอย่างน้อย 1 อาทิตย์

- มีคนพร้อมที่จะเดินทางไปทำคลอดด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรณีฉุกเฉินเจ็บท้องหรือคลอดก่อนกำหนด ถ้าไม่มีพาหนะเดินทางก็ต้องมีเบอร์พร้อมที่จะติดต่อได้

- เตรียมค่าใช้จ่ายให้พร้อม จริงๆควรวางแผนตั้งแต่เริ่มตั้งครรถ์แล้ว ตอนฝากครรภ์ ตอนทำคลอด หรือบางครั้งอาจมีค่าผ่าตัดด้วยถ้าเกิดคลอดแบบธรรมชาติเองไม่ได้ ค่าห้องพัก

- เตรียมจัดห้องสำหรับเจ้าตัวเล็ก ห้องนอนควรสะอาด อากาศโปร่ง ปราศจากเชื้อโรค

- เผื่อเวลาเดินทางมาคลอดด้วย เพราะว่าอาจมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจกินเวลาในการเดินทางมาโรงพยาบาล อย่างรถติด หรือบางรายก็ต้องรอเวลาก่อนที่จะคลอดเราควรมาเตรียมความพร้อมแต่เนิ่นๆ

ถ้าเราเตรียมความพร้อมล่วงหน้าแบบนี้ไว้จะช่วยทำให้เราเลี้ยงดูลูกๆได้เป็นอย่างดี

  ลูกในวัยทารกนั้น ยังกินนอนไม่เป็นเวลา แต่คุณแม่สามารถที่จะจัดตารางการกินนอน ให้ลูกได้ เพราะเด็กทารกนั้นสามารถปรับตัวได้ ซึ่งในช่วงแรกๆอาจจะยังทำไม่ได้มากนัก เพราะเด็กเล็กต้องใช้เวลาปรับตัว 2-3 สัปดาห์ ช่วงแรกอาจไม่ได้กินนมทุก 3-4 ชั่วโมง เพราะเด็กจะนอนตอนกลางวันมาก แต่ไปตื่นตอนกลางคืน  บางคนก็ร้องไห้ขอดูดนมต่อเนื่อง 2-3 ชั่วโมงในช่วงเย็นๆ ค่ะ 

การฝึกให้ลูกกินนมตามตารางเวลา คือ เมื่อเขาร้อง อย่าเพิ่งให้กินนมทันที ควรรอสัก 2-3 นาที เพื่อเขาจะหลับต่อ หรือให้ดูดจุกหลอกแทนเพื่อให้กระเพาะอาหารเขาชินกับการนอนที่นานขึ้น แต่เมื่อลูกเริ่มเข้าเดือนที่ 4-12 เขาจะนอนกลางคืนได้นานขึ้น ไม่ตื่นขึ้นมากินนมบ่อยๆ แต่ถ้าไม่อยากให้ลูกตื่นมาบ่อยช่วงกลางคืน ก็อย่าให้เขานอนกลางวันมากเกินไป ไม่ควรนานกลางวันนานเกิน 4 ชั่วโมง หรือถ้าเขาตื่นมาร้องกลางคืน ไม่ควรให้ดูดนมทันที ควรสังเกตุว่าร้องเพราะอะไร ปวดท้อง อึ หรือฉี่ หนาวหรือร้อนเกินไป หรือต้องการแค่ให้แม่อุ้ม  ข้อดีของการจัดตารางเวลาการกิน คือ แม่และลูกจะปรับตัวได้เร็วขึ้น แต่ทารกส่วนใหญ่มีการจัดตารางเวลาการกินปรับเปลี่ยนไปตามวัย ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้น จะตื่นนานขึ่น ซึ่งคุุณแม่จะทราบเองว่าจะจัดตารางการกินให้ลูกอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับเขา

   นอกจากการจัดตารางเวลาในการกินแล้ว ควรจัดตารางเวลาในการนอนและการเล่นด้วยค่ะ เพราะการกินมากเกินไป อาจจะทำให้แน่นท้อง ทำให้นอนไม่หลับ หรือการเล่นมากเกินไป เหนื่อยมาก อาจจทำให้นอนยากขึ้นไปอีกค่ะ

วันนี้มี บันทึกการให้นมลูกมาฝากด้วยค่ะ มี 2 แผ่น 1.บันทึกการให้นมหลังคลอด 7 วัน 2.บันทึกการให้นมทั่วไป

download ได้เลยค่ะ

ปัจจุบันผู้หญิงต้องออกไปทำงานนอกบ้านไม่เหมือนเมื่อก่อนที่อยู่กับบ้านอย่างเดียว เพราะฉะนั้นผู้หญิงจะมีบทบาทอย่างมากในเรื่องการทำงานนอกบ้าน แต่พอแต่งงานมีครอบครัวและถ้ามีเจ้าตัวเล็กด้วยแล้วผู้หญิงจะทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม ไหนจะต้องออกไปทำงานไหนจะเลี้ยงลูกด้วย คุณแม่หลายคนเลยเลือกที่จะจ้างคนเลี้ยงเด็กมาช่วย แต่อยากให้ลองคิดดูนิดหนึ่งว่าการที่เราเลี้ยงเขาด้วยตัวเองกับจ้างคนอื่นมาเลี้ยงอันไหนจะดีกว่ากัน

- ประหยัดค่าใช้จ่าย การที่เราออกจากงานมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเองจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก ค่าเดินทาง ค่าแต่งตัว เราสามารถนำเงินส่วนนี้มาเป็นค่าเลี้ยงดูเขาได้เลย
- มีเวลาให้กับเขา เด็กจะโตขึ้นมามีคุณภาพได้นั้นต้องดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่ยังเด็ก คุณแม่ควรดูการเจริญเติบโตของเขาอย่างใกล้ชิดทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
- ไม่ต้องห่วงเรื่องพี่เลี้ยง เพราะเราคงไม่สนิทใจเท่าไรที่จะปล่อยให้ลูกของเราอยู่กับคนอื่น ถ้าโชคดีเจอพี่เลี้ยงรักเด็กก็ดีไป แต่ถ้าเจอพี่เลี้ยงไม่รักเด็ก ลูกๆของเราอาจโดนทำร้ายได้
- ไม่ต้องปวดหัววุ่นวายในหลายๆเรื่อง ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะลูก ไหนจะสามีวุ่นวายสุดๆ ถ้าคุณออกมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเองจะตัดปัญหาเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
- ครอบครัวอบอุ่น ลึกๆแล้วสัญชาติญาณความเป็นแม่ย่อมอยากอยู่ใกล้ๆกับเขาและมีเวลาให้กับเขา นอกจากจะเราจะมีเวลาให้กับเขาได้เต็มที่แล้วยังทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวอบอุ่นอีกด้วย

 อาหารมื้อแรกสำหรับลูกน้อย

เมื่อถึงวัยที่การกินนมแม่อย่างเดียวไม่เพียงพอต่อร่างกายที่เติบโตอย่างรวดเร็วของลูก ลูกจึงควรได้รับอาหารเสริม และในอาหารเสริมนั้น คุณแม่ควรใส่ใจทั้งการเลือกสรรให้ลูกได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และปริมานที่พอเหมาะ  

โดยส่วนมากแล้วคุณแม่จะเริ่มให้อาหารเสริมกับลูกในวัย 4-6 เดือน อาหารเสริมที่ให้ลูกเป็นครั้งแรกนั้น มักจะเป็นน้ำส้มคั้น แต่คุณแม่จำนวนไม่น้อยใช้วิธีคั้นน้ำส้มใส่ขวดนมให้ลูกดูดชาก่อน หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มปริมาณทีละน้อย เมื่อลูกคุ้นกันน้ำส้มแล้ว ค่อยเปลี่ยนไปให้น้ำผลไม้หรือน้ำผักชนิดอื่น ๆ หรือเพิ่มกล้วยน้ำว้าสุกครูดข้าวบดหรือข้าวบดผสมไข่แดงฟักทองนึ่ง เมื่ออายุลูกเข้า 7 เดือน จึงให้เนื้อสัตว์ทุกประเภทได้ การเตรียมอาหารเสริมให้ลูกต้องเป็นอาหารที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ และเหมาะสมในแต่ละวัย เพื่อช่วยให้การเจริญเติบโตทางร่างกายของลูกเป็นไปอย่างสมบูรณ์

เมนูอาหารสำหรับเด็กที่เริ่มทานอาหารเสริมค่ะ

         ในช่วง 4-6 เดือนแรก อาหารที่คุณแม่จัดเตรียมให้ลูกนั้น ควรจะเป็นอาหารเบาๆ อาจะเป็น กล้วยน้ำว้าสุกครูดเอาแต่เนื้อ ,ฟักทองบด ,ข้าวบด ในช่วงแรกอาจให้ในปริมาณน้อยก่อน (1-2ช้อน) แต่หากลูกน้อยทานได้ดีไม่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ท้องอืด แน่นท้อง อาเจียน ก็สามารถเพิ่มปริมาณเข้าไปอีกได้ พอลูกน้อยอายุครบ 6 เดือน การจัดเตรียมอาหารนั้นก็สามารถเพิ่มเนื้อสัตว์และผักเข้าไปด้วยได้ค่ะ

ปัจจุบันเด็กไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนมากขึ้น เฉลี่ย 1:5 เลยทีเดียว ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ดูแลและควบคุมเรื่องอาหารของลูกๆแล้วละก็อนาคตลูกๆของคุณจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวแน่นอน เราลองมาดูว่าปัญหาเด็กอ้วนเกิดจากอะไรได้บ้าง

- พันธุกรรมตั้งแต่เกิด คือมีความผิดปกติในด้านร่างกาย เด็กจะหิวอยู่ตลอดเวลามีพัฒนาการล่าช้ากว่าปกติ หลายคนคิดว่าเด็กอ้วนน่ารัก แต่จริงๆแล้วผลที่ตามมาคือโรคต่างๆ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ขาโก่ง และยังโดนเพื่อนๆล้อเลียนอีกด้วยทำให้เด็กๆมีปมด้อยได้ ขาดความมั่นใจ
- เกิดจากการบริโภคอาหารแบบผิดๆ คุณพ่อคุณแม่หลายคนเห็นลูกๆทานเก่งก็ไม่ได้ว่าอะไรตามใจ ประกอบกับอาหารในปัจจุบันมีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาลเยอะทำให้ร่างกายสะสมทำให้เกิดโรคอ้วนตามมา

วิธีป้องกันลูกอ้วน
- เปลี่ยนพฤติกรรมทางด้านความคิดเกี่ยวกับการทานอาหาร เน้นอาหารมีประโยชน์มากกว่าความอร่อย เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ และควรปลูกฝังเรื่องการทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
- จดบันทึกการเจริญเติบโตของเด็กๆ คอยบันทึกเรื่องน้ำหนักและส่วนสูงของเด็กๆว่าน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือไม่
- เป็นต้นแบบที่ดี เรื่องการทานอาหารการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ลูกๆเห็นเป็นตัวอย่าง
- เลือกเมนูอาหารที่มีผักทุกมื้อ

ถ้าลูกๆเริ่มมีแนวโน้มที่จะอ้วน ควรพามาปรึกษาแพทย์ทันทีอย่าปล่อยไว้ แพทย์จะให้คำแนะนำเรื่องการทานอาหารให้เหมาะสมรวมถึงปรับพฤติกรรมการทานอาหารด้วย รวมถึงแนะนำกิจกรรมการออกกำลังกายแทนการนั่งเล่นเกมส์หรือเล่นคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว

 ลูกน้อยกลายเป็นเด็กก้าวร้าว !!!

อาการเถียงคำไม่ตกฟาก ขว้างปาสิ่งของ พูดจาหยาบคายไม่เคารพผู้อื่น ทุบตี หยิก กัด ผลัก ทำลายสิ่งของ” นี่คือพฤติกรรมส่วนหนึ่งที่เด็กแสดงออกมาถึงความก้าวร้าว และถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่นจนเกิดความเสียหายทางร่างกายหรือทำให้ผู้อื่นกระทบกระเทือนจิตใจโดยที่พฤติกรรมก้าวร้าว ที่เด็กแสดงออกมาจะถือว่าเป็น “ปัญหา” ก็ต่อเมื่อมันเกิดขึ้นบ่อยและมีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตรวมไปถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลในครอบครัว เพื่อน ครู หรือแม้แต่คนในสังคม

เด็กเล็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวจะเห็นได้จากการทำลายสิ่งของหรือทำร้ายตนเองเมื่อโกรธหรือถูกขัดใจ ดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ตีน้อง ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของเด็กในวัยเด็กเล็ก แต่ถ้าหากเราละเลยโดยไม่สอนให้เด็กรู้จักวิธีควบคุมอารมณ์และจัดการกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องแล้ว จะส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เด็กอาจกลายเป็นคนชอบใช้ความรุนแรง เป็นพวกอันธพาล ซึ่งจะทำให้เป็นปัญหาสังคมได้ในอนาคต  ที่สำคัญ...ปัญหาเด็กก้าวร้าวในปัจจุบัน มีมากถึง ร้อยละ 29.6 จากเด็กที่อยู่ในกลุ่มสำรวจของกรมสุขภาพจิตได้จัดทำขึ้น โดยมีกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,732 คน  ความก้าวร้าว ชอบอาละวาด เกิดขึ้นได้ง่ายกับเด็กช่วงอายุ 2-5 ปี เพราะยังเป็นวัยที่ขาดการควบคุมอารมณ์ตนเอง หรือเด็กบางคนมีพื้นฐานทางอารมณ์เป็นเด็กเลี้ยงยาก จึงเกิดความคับข้องใจและแสดงออกโดยการอาละวาดได้บ่อย แล้วคุณพ่อคุณแม่ทราบไหมว่าสาเหตุที่ทำให้ลูกที่น่ารักของคุณกลายเป็นคนก้าวร้าวเพราะอะไร...

  อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะมีพ่อและแม่เป็นคนอารมณ์ร้าย ดุ ก้าวร้าว ฉุนเฉียวง่าย อาละวาดเก่ง เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่คิดอยากจะมีลูก ควรรู้จักที่จะระงับอารมณ์ของคนตนเองให้ได้ เพื่อไม่ให้ส่งผลไปถึงลูกที่น่ารักของคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่พบว่า เด็กแสดงความก้าวร้าวมากๆ และบ่อยขึ้น ต้องระวังโรคที่จะเกิดตามมากับเด็กด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหา เด็กสมาธิบกพร่อง ไฮเปอร์แอคทีฟ ออทิสติก หรือร้ายแรงขนาดเป็นโรคสมองพิการได้เลยทีเดียว

อาจเป็นปัญหาทางสภาพจิตใจของเด็ก เพราะเมื่อไรที่เด็กไม่มีความสุข และมีอาการ เศร้า กังวล ขี้ตื่นเต้น ตกใจง่าย หรือมีปัญหาคับข้องใจในเรื่องต่างๆ บ่อยๆ และถูกกดดันเสมอ จากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เด็กหงุดหงิดและอาจแสดงวาจากิริยาก้าวร้าวได้

 อาจเกิดจากการเลี้ยงดูภายในครอบครัว เพราะพ่อแม่มัวแต่สนใจในเรื่องงาน เรื่องของตัวเองมากจนเกินไปจนลืมที่จะสนใจบุตรหลานของตนเอง แล้วจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลทำให้เด็กรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง บางครั้งก็มีการลงโทษที่รุนแรงจากพ่อแม่ หรือบางบ้านก็ตามใจเด็กมากจนเกินไป หากโดนขัดใจก็จะแสดงความก้าวร้าวออกมา โดยที่บางครั้งการแสดงความก้าวร้าวในเด็กนั้น ก็เกิดจากการที่พบเห็นคนในครอบครัวทะเลาะกันแล้วเด็กซึมซับพฤติกรรมนั้นเหล่านั้นมา

ทั้งหมดนี้จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ครูอาจารย์ ตลอดจนผู้เลี้ยงดูในการช่วยเหลือปรับพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กให้ดีขึ้นได้ ซึ่งทำได้ง่ายๆ เพียง...ต้องหยุดการกระทำก้าวร้าวของเด็กโดยทันที และต้องไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงเพราะเป็นการสอนให้เด็กเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว แต่แก้ไขด้วยการจัดให้เด็กหยุดด้วยวิธีสงบ โดยจับมือรวบตัวเด็กเอาไว้ แล้วบอกสั้นๆ ว่าตีไม่ได้ และของชิ้นนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อปา ในขณะเดียวกัน การพูดว่า “แม่รู้ว่าหนูโกรธ แต่เราไม่อนุญาตให้ตีกัน และแม่ก็ไม่อนุญาตให้น้องทำกับหนูเช่นกัน” จะเป็นตัวช่วยให้เด็กเข้าใจความรู้สึกโกรธ และหยุดยั้งการกระทำของเด็กได้ในเวลาเดียวกัน หรือไม่ก็แนะนำทางออกอื่นให้เด็ก คือเมื่อเด็กโกรธกันขึ้นมา ก็สามารถเดินมาบอกผู้ใหญ่ให้ว่ากล่าวคู่กรณีได้ แต่ตีกันไม่ได้ เด็กจะเรียนรู้ว่า การก้าวร้าวเป็นสิ่งที่เราไม่ยอมรับ แต่เราเข้าใจความรู้สึกเขา และเตรียมทางออกที่เหมาะสมเอาไว้ วิธีนี้ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ แม้จะพบว่าเด็กมีอาการอีกเป็นครั้งคราวเพราะเด็กยังไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้ไม่หมด

 สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดนั้นก็คือไม่ควรตอบตกลง หรือต่อรองกันในขณะที่เด็กมีอารมณ์หรือพฤติกรรมก้าวร้าว เพื่อให้เด็กเรียนรู้ว่า ผู้ใหญ่จะตอบสนองความต้องการของเขา เฉพาะในช่วงที่อารมณ์สงบ และมีพฤติกรรมที่เหมาะสมเท่านั้นผู้ใหญ่ต้องระวังที่จะไม่มีอารมณ์ตอบโต้เด็ก หรือเอาชนะกัน แต่หากต้องมีการลงโทษเด็ก...ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรง อาจใช้วิธีแยกเด็กอยู่ตามลำพังระยะหนึ่ง โดยมีการสื่อให้เด็กเข้าใจเกี่ยวกับการลงโทษในครั้งนี้ แล้วก็ฝึกให้เด็กรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตนเอง อย่างเช่น ถ้าเด็กทำร้ายข้าวของจนเลอะเทอะก็ให้เด็กเก็บกวาดการกระทำของตนเองให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการฝึกให้เด็กยับยั้งสติ คิดก่อนที่จะทำสิ่งใดลงไป

                เด็กหากไม่ได้รับการดูแลแก้ไขที่เหมาะสมจะกลายเป็นนิสัยติดตัว กลายเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตได้ ฉะนั้นพ่อแม่ต้องมีเวลาสนใจลูกอีกสักนิด แล้วช่วยกันปรับเปลี่ยนนิสัยของเด็ก เชื่อเถอะว่า....ลูกที่น่ารักของคุณคนเดิมต้องกลับมาอย่างแน่นอน....

 การดูแลเล็บระหว่างตั้งครรภ์

นางสาวสมร  แก้วหล้า  (ครูจุ๋ม)  โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลผักไหม  หมู่ที่1 ตำบลผักไหม  อำเภอศีขรภูมิ  จังหวัดสุรินทร์  32110  โทร  0861736283

นางสาวสมร  แก้วหล้า  (ครูจุ๋ม)  โรงเรียนอนุบาลเทศบาลตำบลผักไหม  หมู่ที่1 ตำบลผักไหม  อำเภอศีขรภูมิ  จังหวัดสุรินทร์  32110

การออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์

     ถ้าคุณเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง และการตั้งครรภ์เป็นปกติดีทุกอย่างไม่มีโรคแทรกซ้อนโดๆ คุณก็สามารถออกกำลังกายได้ในระหว่างตั้งครรภ์ จริงๆแล้วไม่ได้มีข้อห้ามเกี่ยวกับการออกกำลังกายของผู้หญิงขณะตั้งครรภ์ แต่อยากแนะนำว่า ถ้าคุณเริ่มรู้สึกไม่สบาย เวียนหัว หรือมีอาการเจ็บท้องขณะออกกำลังกาย คุณควรหยุดทันที ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรติดต่อแพทย์ที่ฝากครรภ์เอาไว้

ประโยชน์ของการออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง
 
การเคลื่อนไหวร่างกายในระหว่างการตั้งครรภ์จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงและคล่องตัว ทำให้คุณไม่มีปัญหาเรื่องข้อต่อ เอ็นกล้ามเนื้อ ลำไส้ กระเพาะอาหาร และการหมุนเวียนของโลหิต

ข้อดีของการออกกำลังกายที่เพิ่มเติมคือ สามารถป้องกันไม่ให้ท้องผูก ซึ่งเป็นอาการโดยทั่วไปที่พบได้บ่อยๆในระหว่างการตั้งครรภ์ ที่สำคัญ การออกกำลังกายยังช่วยควบคุมน้ำหนักที่จะเพิ่มมากขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย 10 ถึง 12 kg ได้ด้วย เพราะการคลอดลูกต้องใช้พลังงานอย่างมาก ยิ่งเป็นการคลอดลูกคนแรก คุณต้องระวังเรื่องน้ำหนักที่มากเกินไป จะทำให้คลอดยาก
แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่ามันจะเสี่ยงเกินไปที่จะเริ่มต้นการออกกำลังกาย ก็ควรปรึกษากับแพทย์ของคุณก่อน

การออกกำลังกายชนิดไหนที่เหมาะสมขณะตั้งครรภ์

มีกีฬาหลายชนิดที่คนท้องสามารถเล่นได้ระหว่างการตั้งครรภ์ แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่ใช้ความรุนแรงและต้องหยุดทันทีเมื่อคุณรู้สึกไม่สบาย
 
การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังที่นุ่มนวล และมีประสิทธิภาพ ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ว่ายน้ำเป็นประจำ คุณควรเริ่มต้น ด้วยการว่ายน้ำอย่างช้า ๆ เพียง 5 ถึง 10 นาทีตอนเริ่มต้น จากนั้นคุณสามารถค่อย ๆ เพิ่มเวลาเป็น 20 นาที ประมาณ สองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์ อย่าว่ายในน้ำที่อุ่นเกินไป อุณหภูมิของน้ำควรอยู่ระหว่าง 18 ถึง 25 องศา เซลเซียส ไม่ควรอบไอน้ำ ซาวน่า แช่ในน้ำร้อน หรือคุณแม่อาจสมัครคอร์สการออกกำลังกายสำหรับคุณแม่ท้องโดยเฉพาะซึ่งจะปลอดภัยและอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
 
การเดินเร็ว 30 นาทีสองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ร่างกายคุณแม่ท้องแข็งแรง
หรือการขี่จักรยานก็เป็นทางเลือกของการออกกำลังกายอย่างหนึ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

การทำสีผมขณะตั้งครรภ์

ตอนนี้ ดิฉันตั้งท้องได้ 7 เดือน และท้องก็ขยายใหญ่ขึ้นทุกวัน ดิฉันรู้สึกไม่มั่นใจตัวเอง อยากจะถามว่าสามารถทำสีผมขณะตั้งครรภ์ได้หรือไม่มีผลอะไรกับเด็กในท้องหรือเปล่าค่ะ

มีการศึกษาน้อยมากในการตรวจสอบชนิดของผลิตภัณฑ์การย้อมผมว่าแต่ละชนิดมีผลกระทบที่มีทารกในครรภ์แตกต่างกันอย่างไร แต่เนื่องจากปริมาณของสีย้อมที่จะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังบนศรีษะของคุณมีปริมาณที่น้อยมาก จึงปลอดภัยถ้าจะใช้ระหว่างการตั้งครรภ์ ทางที่ดีคุณควรปรึกษากับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย โดยอาจพิจารณาใช้สีย้อมจากพืช (เช่นเฮนน่า) เพื่อให้คุณได้เปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อย ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ หรืออาจใช้วิธีทำไฮไลต์ผม แทนที่จะย้อม เพราะการทำไฮไลต์ใช้สารเคมีน้อยกว่าและไม่ได้สัมผัสโดยตรงกับหนังศีรษะ ถ้าคุณตัดสินใจที่จะใช้สารเคมีใด ๆ ควรสวมถุงมือและอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการหายใจเอาสารเคมีเข้าไปและล้างหนังศีรษะของคุณให้สะอาดทันที

ทำการสั่งซื้อเสื้อไป ถ้าต้องการยกเลิก ทำยังไงค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ

ส่งทางไปรษณีย์ไทย

-สำหรับการส่งพัสดุไปรษณีย์ธรรมดา และลงทะเีบียน ระยะเวลา 3-7 วันทำการ 

-สำหรับการส่งพัสดุไปรษณีย์EMS ระยะเวลา 1-3 วันทำการ

อัตราค่าจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียนและ EMS (รวมค่าอุปกรณ์สำหรับแพคสินค้าแล้ว)

 วิธีการสั่งสินค้า

วิธีที่ 1 สั่งซื้อทางโทรศัพท์ ขอรหัสสินค้าหรือชื่อสินค้า พร้อมกับรายละเอียดสินค้านั้นๆ เช่น สี หรือขนาดเสื้อผ้า เป็นต้น และระบุจำนวนที่ท่านต้องการสั่งซื้อ ท่านสามารถโทรติดต่อเราเพื่อสั่งซื้อได้ที่

เบอร์ 081-8191023  ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 - 18:00น.

วิธีที่ 2  สั่งซื้อทางอีเมล โดยส่งอีเมลมาที่ fashionmom.net@gmail.comในอีเมลขอให้แจ้ง รหัสสินค้า สี หรือ size และจำนวนของสินค้าแต่ละชิ้นที่ลูกค้าต้องการสั่งซื้อเมื่อทางร้านได้รับอีเมลจากลูกค้า เราจะรีบแจ้งกลับยอดรวมของสินค้าที่ต้องชำระ รวมถึงวัน และเวลาที่ทางร้านจะสามารถจัดส่งสินค้าให้ได้หลังจากที่ลูกค้าได้รับชำระ เงินครบถ้วนแล้วค่ะ

วิธีที่ 3   ทำได้โดยง่ายเพียง แต่ให้คลิกที่ปุ่ม"Add to cart" จะมีกรอบสี่เหลี่ยม drop down list ให้เลือกขนาดและสีที่ต้องการสั่งซื้อ เมื่อกดปุ่มเลือกขนาดที่ต้องการแล้วจะมาที่หน้าตะกร้าสินค้า หน้านี้จะแสดงถึงรายการสินค้า รายละเอียดสินค้า และจำนวนสินค้าที่ลูกค้าได้เลือกไว้ ซึ่งสามารถที่จะแก้ไขข้อมูลได้เช่น เปลี่ยนแปลงจำนวนสินค้าที่ต้องการสั่งซื้อ ทำได้โดยการกรอกตัวเลขใหม่เข้าไปในช่องจำนวนสินค้า และกดลูกศรสีเขียว ระบบจะคำนวณราคาให้ใหม่หรือต้องการยกเลิกสินค้ารายการที่ไม่ต้องการ ซึ่งทำได้โดยคลิกที่รูปรถเข็นหลังช่องที่กรอกจำนวนที่ต้องการสั่งซื้อรายการนี้ก็จะถูกยกเลิกไป ถ้าต้องการยกเลิกทั้งหมดก็คลิกที่ปุ่ม clear cart สินค้าที่เลือกทั้งหมดก็จะหายไป ซึ่งสามารถไปเลือกสินค้าใหม่โดยได้คลิกที่ปุ่ม "เลือกสินค้าต่อ"  เมื่อเลือกสินค้าครบตามที่ต้องการให้คลิกที่ปุ่ม "ทำรายการต่อไป" ด้านล่าง จะมาที่หน้าการลงทะเบียน ถ้าลูกค้าต้องการสมัครสมาชิกก็กรอกข้อมูลการสมัครเป็นสมาชิกได้ ซึ่งข้อดีของการสมัครสมาชิกคือ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ในการสั่งซื้อสินค้าครั้งต่อไปอีกด้วย เพราะไม่ต้องกรอกข้อมูลใหม่อีก แต่ถ้าไม่ต้องการสมัครก็เลือกแบบไม่เป็นสมาชิก จากนั้นก็เพียงให้ลูกค้าทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ เช่น กรอกที่อยู่ที่ต้องการจัดส่ง เลือกวิธีการชำระเงิน เลือกวิธีการจัดส่งเมื่อเรียบร้อยแล้วก็ให้คลิกที่ปุ่ม "ยืนยันการสั่งซื้อ" ก็จะมาที่หน้ายืนยันการสั่งซื้อ ซึ่งจะสรุปรายการสินค้าที่ลูกค้าสั่งและแสดงที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า ซึ่งหน้านี้จะส่ง mail ไปยังลูกค้าด้วยหรือถ้าต้องการพิมพ์รายการสั่งออกมาก็ทำได้ เมื่อทางร้านได้รับรายการสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว ทางร้านจะส่งอีเมลล์ยืนยันการสั่งซื้อไปให้ลูกค้า และเมื่อลูกค้าได้โอนชำระเงินเข้ามาแล้ว ขอให้แจ้งกับทางร้านด้วย เพื่อให้ทางร้านได้จัดส่งสินค้าให้ต่อไป

 ท่านสามารถโอนชำระเงินค่าสินค้าเข้าที่บัญชีของร้านค้าได้ดังนี้.

1. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี น.ส.ศมาภร อัศภาภรณ์ เลขที่บัญชี 282-219072-4 ประเภทบัญชี ออมทรัพย์ สาขา  เทสโก้โลตัส หลักสี่
 

หากต้องการสั่งของ อยากทราบขั้นตอนการสั่งซื้อ