1

ชุดคลุมท้องD1014สีน้ำตาลเข้มมีสินค้ามั้ยคะ

เบอร์ติดต่อ081-1752552

รู้ไว้ก่อนคลอด ...?!?!?!?!??!?!?!?

               เมื่อถึงเวลาที่ใกล้ระยะกำหนดคลอด ว่าที่คุณแม่มือใหม่ คงจะมีความกังวลกันอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเพื่อเตรียมการให้ทุกอย่างออกมาดี และราบรื่น ไม่มีอุปสรรค คุณแม่มือใหม่ควรมีวิธีปรับสภาพจิตใจกันตั้งแต่เนิ่นๆ 

• อย่าเครียด  เพราะความเครียดและความกังวล อาจจะทำให้เรากลัวและนึกถึงเรื่องราวที่ได้รับฟังในอดีตที่เจ็บปวด และจะบั่นทอนกำลังใจของเราให้มีน้อยลง และสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้คุณรู้สึกเจ็บมากขึ้นในเวลาคลอด ...!
• การคลอดลูกเป็นเรื่องธรรมชาติ  ร่างกายของผู้หญิงทุกคนถูกออกแบบมาเพื่อให้กำเนิดทารกน้อย ดังนั้นความเจ็บปวดระหว่างคลอดถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องยอมรับให้ได้ ทำใจให้สบาย ปล่อยไปตามธรรมชาติ ทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดีค่ะ
•  อย่ายึดติดกับวิธีการคลอด หากเกิดเหตุฉุกเฉินในระหว่างการทำคลอด ควรเตรียมใจยอมรับกับวิธีการคลอดที่คุณหมอแนะนำ อาจต้องฉีดยา หรือผ่าตัด ฯลฯ อย่ากังวล เพราะความปลอดภัยของตัวคุณแม่เอง และลูกน้อยคือสิ่งสำคัญ
• สิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ เพียงสัมผัส-และคำพูด จากคุณสามีก็สร้างกำลังใจได้มากแล้วค่ะ
• หลังคลอด คุณลูกพร้อม แต่คุณแม่ยังไม่พร้อมนะคะ        เพราะยังต้องคลอดรก ไหนจะเย็บแผลอีก คุณอาจจะเจ็บและเพลียมาก แต่เมื่อคุณได้ยินเสียงร้อง และได้เห็นหน้าลูกน้อย เชื่อว่าความเจ็บปวดทั้งหลายจะค่อยๆหายไปอย่างแน่นอนค่ะ      

                                                         ขอแสดงความยินดับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ด้วยนะคะ

           ^___^

 การสอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับอาหารนั้น อาจเริ่มต้นจากร้านขายของชำ,ซุปเปอร์มาร์เก็ต,ตลาด หรือ ในสวน แต่จะมหัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเด็กๆได้ทำอาหารด้วยตัวเองกับคุณในห้องครัว ข้อดีของการทานอาหารที่บ้าน คือราคาถูกกว่าการรับประทานอาหารข้างนอก สะอาด ปลอดภัย และยังช่วยให้ลูกหลานของเราเริ่มต้นเรียนรู้การพึ่งตนเอง ทั้งยังสอนให้พวกเขาประหยัดเงินได้ในอนาคตอีกด้วยค่ะ

            ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะชวนเด็กๆ เข้ามาร่วมทำอาหารกับคุณ จะเป็นสิ่งที่ดีมากถ้าคุณทำความสะอาดห้องครัวให้เรียบร้อยเสียก่อน  อาจต้องสอนทักษะพื้นฐานการใช้มีดสำหรับเด็ก และการจัดวางอุปกรณ์อย่างถูกต้องเหมาะสม เก้าอี้ที่ดีและเหมาะกับเด็ก ผ้ากันเปื้อน และอุปกรณ์ทำอาหารขนาดเล็ก ที่พอดีกับมือของพวกเขาเป็นอย่างดี

            และสิ่งสำคัญอันดับต่อมาที่คุณจะต้องมี คือการมีสูตรอาหารที่ดี และมีขั้นตอนการทำง่ายๆ เด็กๆสามารถทำได้ด้วยตัวเอง  ภายใต้การดูแลของคุณ   หากอาหารอร่อย ก็จะทำให้พวกเขาตื่นเต้น และยินดีที่จะปรุงอาหารอีกในครั้งต่อไปค่ะ ลองทำกันดูนะคะ ^^

 รูปสวยๆจากลูกค้า

เลือกชุดคลุมท้องอย่างไร ??? ให้คุณแม่สบายตัวและคุณลูกก็ไม่อึดอัด.....!!!!

คุณผู้หญิงนั้นอยู่ในช่วงตั้งครรภ์  การที่จะแต่งตัวตามแฟชั่นนั้นก็อาจจะลำบากอยู่บ้าง ยิ่งถ้าเป็นคุณแม่มือใหม่ด้วยแล้วคงคิดหนักน่าดู  แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เรามีวิธีเลือกชุดคลุมท้องที่ง่าย และปลอดภัยกับคุณลูกมาฝากกันค่ะ

ช่วงเดือนแรกๆ  คุณแม่มือใหม่ท้องแรกบางคนอาจจะมีหน้าท้องที่ไม่ใหญ่มาก หรือบางคนอาจดูไม่ออกเลยว่ากำลังตั้งครรภ์ คุณแม่หลายท่านจึงเลือกใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่ก่อนการตั้งครรภ์ Oops !!!! หยุดการกระทำนั้นได้เลยค่ะ สาเหตูก็เพราะในช่วงการตั้งครรภ์ระยะแรกๆ ความเสี่ยงในการที่จะแท้งนั้นสูงมาก ดังนั้นคุณแม่ทุกท่านจะต้องระวังเป็นพิเศษ หากจะเลือกใส่กางเกง ก็ควรเป็นกางเกงที่ไม่รัดหน้าท้องจนเกินไปนัก  เพื่อที่จะช่วยลดการบีบรัดบริเวณหน้าท้อง เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยค่ะ    

               ช่วงสัปดาห์ที่ 14 ช่วงนี้ลูกน้อยในครรภ์กำลังมีพัฒนาการเรื่องการหายใจ และรูปร่างหน้าตา ส่วนตัวคุณแม่นั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกันคือหน้าท้องและสะโพกจะใหญ่ขึ้น บริแวณหน้าอกก็จะมีการสร้างต่อมน้ำนมซึ่งหน้าอกของคุณแม่อาจจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นการเลือกเสื้อผ้าของคุณแม่  อาจจะต้องเริ่มใส่เป็นกระโปรงคลุมท้องบ้างเพื่อสร้างความเคยชิน  แต่หากจะใส่กางก็ควรเป็นกางเกงสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ เพราะสามารถปรับขนาดได้ การใส่ชุดที่ไม่รัด จะส่งผลดีต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อยค่ะ

               ช่วงสัปดาห์ที่ 28 ไปจนถึงคลอด  ช่วงระยะนี้ต้องยอมรับเลยว่า คุณแม่จะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเป็นอย่างมาก เพราะทารกจะตัวใหญ่ขึ้น และจะมีแรงกดบริเวณเชิงกรานก็จะมากขึ้น การใส่กางเกงอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก ยิ่งคุณแม่บางท่านที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วมากนั้น อาจจะลำบากในการที่จะก้มลงใส่กางเกง แนะนำว่าให้ใส่เป็นกระโปรงคลุมท้องที่มีจั้มบริเวณใต้อก จะดูสวยและสะดวกกว่าค่ะ   

หลังจากที่คุณแม่คลอดใหม่ๆควรดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยเพราะหลังคลอดแล้วคุณแม่ยังมีภาระหนักที่ต้องคอยรับผิดอีกเยอะ เพราะฉะนั้นสุขภาพของคุณแม่เองก็สำคัญไม่แพ้สุขภาพของลูกน้อย มีเรื่องไหนบ้างที่คุณแม่ควรเอาใจใส่เป็นพิเศษลองมาดูกัน

- แผลหลังผ่าตัด คุณหมอจะแนะนำให้พยายามเคลื่อนไหวตลอดเวลาเพื่อให้ระบบภายในร่างกายกลับมาทำงานตามปกติ อย่างลำไส้ ระบบขับถ่าย

- เต้านม ระวังอย่าปล่อยให้เต้านมคัด เพราะจะทำให้ลูกดูดนมลำบาก เนื่องจากนมอุดตัน วิธีดูแก้ก็คือพยายามปั๊มนมให้หมดเสมอ และถ้ามีอาการเจ็บแนะนำให้ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบ

- ความผิดปกติทางร่างกาย หลังคลอดมีอัตราเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคได้ง่าย ปัสสาวะขัด เป็นต้น

- การคุมกำเนิด ถ้ายังไม่พร้อมที่จะมีทายาทอีกแนะนำให้คุมกำเนิดไว้ก่อนโดยเลือกวิธีการคุมกำเนิดให้เหมาะสม

- ปวดมดลูก เป็นอาการที่พบได้หลังคลอดไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดหรือคลอดเองตามธรรมชาติ ถ้ามีอาการปวดแนะนำให้ใช้น้ำร้อนประคบ (ห้ามผู้ป่วยที่ผ่าตัดเพราะอาจทำให้แผลอักเสบขึ้นมา)

การที่คุณกำลังเป็นแม่คนถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็นคู่รักที่แต่งงานมาหลายปีแล้วยังไม่มีลูกยิ่งเห่อลูกคนใหม่ที่กำลังจะเกิดมาอย่างมาก การดูแลสุขภาพแม่และลูกถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ โดยเฉพาะช่วงที่เพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ใหม่ๆ ช่วง 3 เดือนแรก การเลือกทานอาหารต้องระวังให้มากเราลองมาดูกันว่าอาหารประเภทไหนบ้างที่ไม่ควรทานขณะตั้งครรภ์

- เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชา น้ำอัดลม จากการวิจัยพบว่าการทานกาแฟวันละ 3 แก้วขึ้นไปมีโอกาสเสี่ยงที่จะแท้งได้ง่าย ส่วนการทานชาอาจทำให้มีอาการท้องผูกและอาจมีปัญหาอย่างอื่นตามมาได้อย่างโรคริดสีดวง

- ผมไม้ดอง ผู้หญิงส่วนใหญ่เวลาแพ้ท้องมักอยากทานของดอง ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มะยม จริงอยู่ว่าอาจช่วยเรื่องการแพ้ท้องได้แต่กรรมวิธีที่ทำผลไม้ดองพวกนี้อาจไม่สะอาดและอาจมีส่วนผสมที่ไม่เป็นประโยชน์กับคุณแม่

- อาหารใส่ผงชูรส กรรมวิธีที่ผลิตผงชูรสต้องผ่านขบวนการที่ใส่สารเคมีลงไปคุณแม่จึงไม่ควรทานเข้าไปเพราะอาจส่งผลเสียต่อเด็กในท้องได้

- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ส่งผลต่อเด็กในท้องโดยตรงเรื่องพัฒนาการของสมองเด็ก อาจทำให้เด็กที่เกิดมาผิดปกติได้

- อาหารสำเร็จรูปอาหารกระป๋อง ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง หรือปลากระป๋อง ล้วนแล้วผสมสารบอแรกซ์ โซเดียมไนเตรต ที่เป็นอันตรายกับร่างกายทั้งสิ้น และอาหารพวกนี้ส่วนใหญ่ใช้เนื้อสัตว์คุณภาพต่ำมาแปรรูปคุณค่าทางอาหารน้อยมาก

- อาหารประเภทไขมันสูง อาหารทอด ผัดผักที่ใส่น้ำมันมากๆ ช่วยทำให้ย่อยยาก ท้องอืด

- ของหวาน ไม่ว่าจะเป็นเค้ก ทองหยิบ ทองหยอด ไอศครีม ครีมเทียม ผลไม้กระป๋อง ล้วนแล้วแต่เพิ่มน้ำหนักทั้งสิ้น

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพของคุณแม่และเด็กในท้อง ถ้าอยากให้เด็กเติบโตขึ้นมาแบบแข็งแรงและสุขภาพดีก็อย่าลืมนำคำแนะนำไปทำตามดู
 

 ประโยชน์ของการเล่น คือ การได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ฝึกการสื่อสาร การวางแผน การลองผิดลองถูก การแก้ปัญหา การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกิดการแลกเปลี่ยน มีกระบวนการคิด การสังเกต ความกล้าแสดงออก โดยรูปแบบการเล่นที่เหมาะสมกับวัยต้องคำนึงความพร้อมด้านต่างๆ ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา และสังคม

เด็กวัยในวัย 3 ปีขึ้นไป เรียกได้ว่า การพัฒนาทักษะต่างๆ เป็นไปเกือบครบแล้ว ยิ่งพัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์ ในสมองส่วนที่เรียกว่า ลิมบิก(limbic) ก็พัฒนามากขึ้นจากประสบการณ์การเล่นที่ต่อเนื่องนี่เอง

การเล่นช่วยพัฒนาอะไรบ้าง ???

ด้านสติปัญญา ช่วงเวลาที่ได้เล่น เช่น กำลังเล่นต่อบล็อกไม้ ก็จะได้ฝึกใช้ความคิดสร้างสรรค์ ว่าจะต่อเป็นรูปทรงอะไร รวมทั้งได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหา การคิด การวางแผน และทักษะการตัดสินใจในขณะที่กำลังเล่นอยู่ ทักษะเหล่านี้ถ้าใช้และฝึกฝนบ่อยๆ จะเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ด้านสังคม ถ้าให้โอกาสเด็กได้เล่นกับเพื่อน นอกจากจะได้เรียนรู้ที่จะรอคอยเพื่อนคนอื่นๆ ยังรู้จักที่จะให้ และรับอย่างเหมาะสม และยังรู้จักเข้าใจผู้อื่น และเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์

ด้านอารมณ์ เวลาที่เด็กไม่สบายใจ เครียด หรือโกรธอยู่ และการเล่นจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และลืมความกังวลใจดังกล่าวไปได้ บางครั้งถ้าเด็กอารมณ์เสียหรือโกรธ เด็กจะได้ระบายความรู้สึกออกไปด้วยวิธีการที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

ด้านจริยธรรม การเล่นต่างๆ จะต้องต้องมีกฎเกณฑ์ และในการเล่นและกิจกรรมต่างๆ เด็กจะได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และเรื่องของจริยธรรมไปด้วยในตัว

ด้านภาษา เวลาที่เล่นกับเพื่อน จะต้องใช้ภาษาเพื่อสื่อสารกัน เพื่อบอกความต้องการให้เพื่อนรู้ นอกจากนั้นยังได้ฝึกความเข้าใจภาษา เช่น ภาษาท่าทางและภาษากายระหว่างที่เล่นอีกด้วย

ตลอดระยะเวลา 9 เดือนจนถึงหลังคลอดคุณแม่ต้องการการดูแลเรื่องสรีระ ชุดชั้นในที่ใส่มีความสำคัญอย่างมาก ช่วย Support ขณะตั้งท้องได้

เสื้อชั้นใน

- ควรเลือกเนื้อผ้าที่มีผิวสัมผัสนุ่มและช่วยระบายความร้อนและเหงื่อได้ดีอย่าง Cotton
- ควรเลือกขนาดพอดีๆตัวไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป
- สามารถขยายยืดหยุ่นได้เพื่อรองรับสรีระที่ขยายขึ้น
- สายเสื้อชั้นในควรมีขนาดใหญ่เพื่อช่วยพยุงหน้าอกให้กระชับและควรเลือกแบบที่มีตะขอหลายตัว
- เลือกเสื้อชั้นในชนิดที่สามารถเปิดให้นมลูกได้จะสะดวกมาก

กางเกงชั้นใน

- เลือกกางเกงชั้นในที่ช่วยพยุงท้อง แต่ต้องไม่รัดแน่นเกินไป
- เลือกกางเกงชั้นในที่ถอดได้ง่าย
- เลือกน้ำยาที่ใช้ซักเสื้อชั้นในกางเกงชั้นในโดยเฉพาะจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น
- ควรซักด้วยมือ ตากในที่มีลมพัด อย่านำไปตากแดดเพราะจะทำให้เนื้อผ้าเสียเร็ว
- เก็บกางเกงชั้นในที่มีอากาศระบายได้เพื่อลดกลิ่นอับ
 

มีหลายเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไม่ทราบมาก่อน หลายเรื่องก็เพิ่งมารู้หลังมีเจ้าตัวเล็กคนแรก เราลองมาดูกันว่ามีเรื่องไหนบ้างที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องเจอหลังมีลูกคนแรก

- คุณแม่หลังคลอดดูไม่จืด ทั้งอ้วน ทั้งน่าเกลียด เราต้องไม่ลืมว่าช่วงเวลาที่เราตั้งท้องเราต้องบำรุงร่างกายอย่างดีเวลาทานอาหารก็ต้องนึกเผื่อลูกในท้องด้วยจึงไม่น่าแปลกที่หลังคลอดแล้วหุ่นยังไม่กลับสู่สภาพเดิม
- ทำไมลูกของเราไม่เหมือนลูกคนอื่น เรื่องนี้เกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกันเรื่องการเลี้ยงดู สติปัญญา เพราะฉะนั้นอย่านำลูกของเราไปเปรียบเทียบกับลูกของคนอื่น
- อยู่กับอึของลูกๆตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องเจอเรื่องนี้อย่างแน่นอนเพราะเขายังเด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องทำใจให้ชินกับเรื่องแบบนี้
- รับฟังคำแนะนำของคนอื่น อย่าเพิ่งเบื่อกับเรื่องแบบนี้เพราะคนรู้จักญาติพี่น้องที่มีประสบการณ์มาก่อนมันจะให้คำแนะนำในการเลี้ยงดูเด็กๆ
- ให้กำลังใจกันและกัน เพราะการเลี้ยงดูเด็กๆมักจะเจอกับปัญหาต่างๆนาๆที่เข้ามาอย่าโทษกันแต่อยากให้กำลังใจกันและกันจะดีกว่า

ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดในบ้านเราทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกหงุดหงิดได้โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์จะรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น เราลองมาดูว่ามีวิธีไหนบ้างที่ช่วยคลายร้อนให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้บ้าง

- ว่ายน้ำคลายร้อน การว่ายน้ำไม่เพียงแต่ช่วยดับร้อนเท่านั้นแต่ยังช่วยให้คุณแม่แข็งแรงอีกด้วยเพราะการว่ายน้ำถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีอย่างหนึ่ง
- อยู่ในห้องแอร์ การที่คุณแม่อยู่ในห้องแอร์เย็นๆจะช่วยทำให้สดชื่นไม่หงุดหงิด
- เลือกใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย แน่นอนว่าอากาศร้อนๆแบบนี้การเลือกใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดีจะทำให้สบายตัว แนะนำว่าเลือกใส่แบบหลวมๆจะดีกว่า
- อยู่แต่ในที่ร่ม เลือกทำกิจกรรมภายในบ้าน หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจ้า
- ดื่มน้ำมากๆ ปกติร่างกายคนเราต้องการปริมาณน้ำมากอยู่แล้วอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ยิ่งอากาศร้อนแบบนี้ควรต้องทานน้ำมากๆเพื่อชดเชยน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป

 ในช่วง 4 เดือนของครรภ์คุณแม่ ประสาทส่วนต่างๆของทารกในครรภ์ เริ่มทำงานแล้ว ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่มีส่วนช่วย

ส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้ เช่น

1.ด้านอารมณ์

คุณแม่ควรมีอารมณ์ดีอยู่เสมอ โดยพยายามไม่เครียด ใช้เวลาว่างอ่านหนังสือ ฟังเพลง จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองที่ดีเยี่ยม 

มีอารมณ์ผ่องใส มีพัฒนาการเร็วขึ้น

2.ด้านการมอง

คุณแม่ควรให้ทารกในครรภ์ได้รับแสงสว่างบ้าง ด้วยการออกไปยืนช่วงเช้าหรือบ่ายที่แดดไม่จัดนัก วิธี้นี้จะทำให้เส้นประสาท

ส่วนรับภาพและมองเห็นของทารกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น

3.ด้านการได้ยิน

ควรพูดคุยกับลูกในท้องบ่อยๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล โดยใช้ประโยคซ้ำๆเพื่อให้ลูกคุ้นเคย เพื่อเป็นการพัฒนาการได้ยิน และได้ยินเสียง

ต่างๆหลังคลอดได้ดีขึ้น นอกจากนี้การร้องเพลงหรือเปิดเพลงให้ฟังเบาๆก็เป็นการกระตุ้นการพัฒนาการได้ยินเช่นกัน

4.การสัมผัส

ควรลูบไล้หน้าท้องเป็นวงกลมจากบนลงล่างหรือล่างขึ้นบนเบาๆ พูดคุยหรือร้องเพลงเบาๆ ให้ทำในช่วงเวลาเดิมเป็นประจำ

คุณแม่จะพบว่าลูกดิ้นรออยู่ ซึ่งการสัมผ้สของคุณแม่จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูก

ให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น

การทำอารมณ์ให้แจ่มใส การลูบไล้หน้าท้อง การเดินออกกำลังกายเบาๆ พูดคุยกับเขาบ่อยๆในช่วงอยู่ในครรภ์ คุณจะพบพัฒนาการที่หลากหลายของเจ้าตัวน้อยที่ออกมาใหม่อย่างน่าทึ่งทีเดียว

ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่แต่งงานไปแล้วสักพักเริ่มคิดอยากจะมีลูกด้วยกันทั้งนั้นนี่เป็นสัญชาติญาณอย่างหนึ่งของผู้หญิงเลยก็ว่าได้ อาการแบบนี้มักมาแบบไม่รู้ตัว เราลองมาดูกันว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่บ่งบอกว่าคุณเริ่มอยากที่จะเป็นแม่ของลูก

- อยากมี Sex บ่อยกว่าเมื่อก่อน อาจเป็นกลไกอย่างหนึ่งของสมองที่ส่งมา โดยคุณไม่คิคจะป้องกันอะไรอีกแล้วเวลามี Sex กัน
- พูดเรื่องเกี่ยวกับเด็กแบบไม่มีสาเหตุ พูดขึ้นมาลอยๆ นี่เป็นจิตใต้สำนึกลึกๆของผู้หญิงที่พร้อมจะเป็นแม่คน
- ตั้งชื่อลูกล่วงหน้าเอาไว้ก่อน ทั้งชื่อจริงชื่อเล่น บางทีนึกถึงเรื่องเพศลูกล่วงหน้าแล้วด้วยซ้ำ
- รู้สึกอิจฉาเมื่อได้ยินข่าวจากเพื่อนเก่าๆว่ากำลังตั้งท้อง หรือคนรู้จัก
- อยากเลี้ยงลูกสุนัขหรือลูกแมว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงอะไรก็แล้วแต่ นั่นเป็นสัญชาติญาณลึกๆที่บ่งบอกว่าคุณพร้อมที่จะเป็นแม่คน

ถ้าคุณมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดแล้วละก็คุณอยากมีลูกแล้วละ แต่ทั้งนี้ควรดูเรื่องความพร้อมด้วยเพราะมีปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน คุณควรมีความพร้อมเสียก่อนทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

คุณสาวๆหลายคนคงสังสัยว่าเวลาที่เราตั้งครรภ์เราสามารถทำเรื่องไหนได้บ้าง วันนี้เราลองมาดูกันว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เราสามารถทำได้โดยไม่เป็นอันตรายกับเด็กในท้อง

- เดิน Shopping เชื่อว่าคุณสาวๆหลายคนคงติดกับการ Shopping แม้ขณะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม จริงๆคุณแม่สามารถเดิน Shopping ได้ตามปกติเพียงแต่ต้องนั่งพักบ้าง

ไม่ควรเดินติดต่อกันเป็นเวลานานๆเพราะอาจทำให้ปวดหลังและขาได้เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น แนะนำให้หาคนไปเป็นเพื่อนเพื่อช่วยหิ้วของให้
- ออกกำลังกาย อบซาวน่า จริงๆแล้วเราสามารถออกกำลังกายได้แม้ขณะตั้งครรภ์เพียงแต่ต้องเลือกกีฬาในการออกกำลังกายด้วยอย่างว่ายน้ำ เดินเบาๆ ถ้าอบซาวน่าไม่

ควรเกิน 5 นาที เพราะอาจเป็นอันตรายได้ และควรดื่มน้ำมากๆ
- ถอนฟัน หลายคนบอกว่าขณะตั้งครรภ์ไม่ควรถอนฟัน จริงๆแล้วเราสามารถถอนฟันได้เพียงแต่ต้องระวังหน่อย เพราะขณะถอนฟันอาจทำให้เลือดออก
- ขับรถ คุณแม่ยุคใหม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วย จึงปฎิเสธไม่ได้ในเรื่องการขับรถออกไปทำงาน ในขณะตั้งท้องจะมีอาการง่วงนอนหรืออ่อนเพลียได้ต้องระวังในขณะขับรถด้วย และถ้าใกล้คลอดไม่แนะนำให้ขับรถเพราะไม่สะดวกท้องอาจค้ำพวงมาลัยได้
- เสริมสวย คุณแม่สามารถทำสีผมได้ตามใจชอบไม่มีอันตรายหรือมีผลกับเด็กในท้อง แต่แนะนำให้เลิกใส่แหวนชั่วคราวเพราะขณะตั้งท้องตัวจะบวมทำให้แหวนคับนิ้วของเรา และขณะผ่าตัดอาจต้องทำการจี้ด้วยไฟฟ้า คุณแม่อาจโดนไฟช็อตได้เพราะแหวนเป็นสื่อนำไฟฟ้า
- นอนตะแคง ถ้าเพิ่งตั้งครรภ์ใหม่ๆ มดลูกยังไม่ใหญ่มากนักสามารถนอนได้ทุกท่าไม่มีผลกับร่างกายของเรา แต่ถ้าใกล้คลอดท้องเริ่มใหญ่แนะนำให้นอนท่าตะแคงจะดีที่สุดเพราะไม่อึดอัดหรือโดนกดทับจนหายใจไม่ออก
- Sex ขณะตอนท้อง จริงๆแล้วขณะตั้งท้องจนถึงคลอดเราสามารถมี Sex ได้เพียงแต่ต้องระวังนิดหน่อยเลือกท่าที่เหมาะสม และใกล้คลอดควรระมัดระวังหน่อย
- ทานกาแฟ อย่างที่เราทราบกันดีว่าในกาแฟมีสารคาเฟอีนที่เป็นอันตรายกับร่างกาย เพราะฉะนั้นการดื่มกาแฟขณะตั้งครรภ์จึงไม่สมควร แต่จากการวิจัยพบว่าถ้าเราดื่มกาแฟไม่มากเกินไปไม่ได้ส่งผลถึงเด็กในท้อง
- ผ่าตัดตามฤกษ์ ปัจจุบันมีคุณแม่หลายคนที่นิยมทำคลอดด้วยการผ่าตัดเพื่อได้ฤกษ์ตามที่ต้องการ ถ้าถามว่าทำได้ไหมจริงๆก็สามารถทำได้เพียงแต่อันตรายนิดหน่อยถ้ายังไม่ถึงกำหนดเด็กบางรายอาจมีปัญหาตามมาได้ อย่างเด็กไม่แข็งแรง ตังเหลืองหรืออาจติดเชื้อได้
 

 การตั้งครรภ์ กับการทำงาน

·         บอกข่าวดีนี้กับเจ้านาย คนแรกในที่ทำงานที่คุณควรบอกให้ทราบก่อน นั่นก็คือเจ้านายของคุณเอง เพื่อเป็นการให้เกียรติกันค่ะ ในกรณีที่คุณยังไม่ต้องการให้คนอื่นรู้จนกว่าจะพ้นช่วงอันตรายนี้ไปก่อน คุณอาจขอให้เจ้านายช่วยปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ

·         วางแผนการลาคลอด คุณสามารถลาคลอดได้ 90 วัน คุณควรนัดคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของบริษัทเพื่อแจ้งแผนการลาคลอด โดยนำใบรับรองแพทย์มายื่นเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันกำหนดวันคลอดของคุณ

·         วางแผนการทำงาน คุณควรหารือกับเจ้านายว่าในช่วงที่คุณไม่อยู่ ว่าใครจะมาทำงานแทนคุณ เพื่อถ่ายทอดงานต่อให้ และงานของคุณสามารถดำเนินไปอย่างเรียบร้อย

·         ความเป็นส่วนตัว ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ ก็จะมารุมสนใจ ซึ่งอาจเป็นการรบกวนคุณโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว คุณอาจขอให้พวกเขาหยุดรบกวนคุณได้อย่างสุภาพ

·         การเลือกปฏิบัติ ในระหว่างที่คุณตั้งครรภ์ เจ้านายอาจให้งานคุณน้อยกว่าคนอื่น ส่วนตัวคุณเองก็กลัวว่าจะเป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน หากคุณไม่สบายใจ ควรอธิบายให้เจ้านายคุณทราบว่าคุณไม่ได้ต้องการการเลือกปฏิบัติ คุณยังสามารถทำงานได้ตามเดิม เพียงแต่ต้องหลีกเลี่ยงงานบางอย่างที่จะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง เช่น งานที่ต้องยกของหนัก หรืองานที่ต้องยืนเป็นเวลานาน เป็นต้น

ด้วยคำแนะนำเหล่านี้คุณแม่มือใหม่ก็สบายใจกับการทำงานในที่ทำงาน แถมมีคนคอยดูแลเรามากยิ่งขึ้น แต่สำคัญที่สุดก็คืออย่าโหมเคลียร์งานมากนะคะ ต้องคำนึงถึงเจ้าตัวเล็กในท้องของคุณด้วย

เด็กช่วงวัย 3-4 ขวบ เป็นช่วงที่เด็กเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง เด็กๆวัยนี้มักจะเริ่มต่อต้านผู้ใหญ่เวลาบอกให้ทำอะไรมักจะเถียงมากกว่าทำตาม เด็กช่วงอายุเท่านี้จะเริ่มมีการปรับตัวและพัฒนาคำพูดมากขึ้น เด็กจะมีการการพัฒนาคำพูดได้เป็น 2 แบบ คือแบบสุภาพ กับชอบเถียงต่อต้าน จริงๆแล้วเด็กไม่ได้ดื้อหรือตั้งใจจะเถียงหรอกเพียงแต่อยู่ในช่วงปรับตัวมากกว่าพ่อแม่ต้องเข้าใจเด็กด้วย สอนให้เขาเข้าใจว่าการเถียงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง การที่เด็กกล้าพูดกล้าแสดงออกเป็นเรื่องดีแต่การที่ปล่อยให้เด็กๆเถียงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแต่ควรได้รับการแก้ไข สอนให้เขารู้จักการใช้คำพูดที่ไพเราะ เพราะอีกหน่อยเมื่อเด็กๆโตขึ้นจะได้ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ไม่ยาก
 

  ขณะตั้งครรภ์ คุณเป็นแบบนี้หรือเปล่า..!!

• ü  ทุกสิ่งที่สามีพูด ฟังแล้วไม่เข้าหูเอาซะเลย

• ü  ทุกท่าทางที่สามีแสดงออกดูจะขัดหูขัดตาฉันไปหมด

• ü  แม้แต่เสียงลมหายใจ ของสามีก็ทำให้ฉันหงุดหงิด

• ü  อย่ามาแตะต้องตัว อย่ามากอด อย่ามาหอมฉันนะ

• ü  ฉันอุ้มท้องก็เหนื่อยพอแล้ว ยังมาขอให้ฉันทำนู่นนี่นั่นให้อีก

• ü  สามีได้ไปต่างจังหวัด / ต่างประเทศ แต่ฉันต้องแบกท้องโตๆ อยู่บ้านคนเดียว

• ü  ทำอะไรให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหม  

• ü  กลิ่นตัว กลิ่นนํ้าหอมที่สามีเคยใช้ ตอนนี้มันเหม็นสุดจะทน

• ü  ฉันต้องการอะไร ก็ต้องรีบหามาให้ได้โดยเร็ว 

• ü  สามีชอบเล่นกับสุนัขตัวโปรด ฉันก็น้อยใจ ทั้งที่เมื่อก่อนมันคือสุนัขตัวโปรดของฉัน

• ü  ฝนตก แดดออก ฉันก็หงุดหงิดไปเสียหมด ฯลฯ

สิ่งที่สำคัญที่คุณควรจะทำในระหว่างนี้ คือ ตั้งสติและคุยกันดีๆ กับสามีรวมถึงคนรอบข้างด้วย อธิบายให้เขาเข้าใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่าปล่อยให้ใครต้องแบกรับภาระหรือเรื่องเครียดๆ เอาไว้เพียงฝ่ายเดียว เพราะนั่นอาจจะหมายถึงระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด จนกลายความบาดหมางระหว่างคนในครอบตรัวได้ค่ะ

สิ่งสำคัญสำหรับคุณสามี ฝ่ายที่อยู่ดีมีสุข ไม่ต้องแบกรับอะไร ควรหมั่นสังเกต และใส่ใจคุณภรรยาให้มากกว่าเดิม และควบคุมอารมณ์ของคุณให้ดี ถามคุณภรรยาบ้างว่าต้องการอะไร อยากไปไหน หาวันหยุดพักผ่อนไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกัน หรือหากิจกรรมที่ทั้งคุณ และภรรยาของคุณสามารถทำด้วยกันได้ ไม่ใช้คุณเที่ยวเล่นสนุก แต่คุณภรรยาคนสวยต้องนั่งเฝ้ารอคุณอยู่ที่้บ้าน การเปลี่ยนสถานที่นั่งเล่น นอนเล่น ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยบรรเทาอารมณ์แปรปรวนของคุณแม่ท้องได้นะค่ะ ^^